ขายภาพออนไลน์ 2565 ต้องปรับตัวอย่างไร

ขายภาพออนไลน์ 2565 ต้องปรับตัวอย่างไร


ธุรกิจขายภาพออนไลน์นั้นมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งไม่แตกต่างจากธุรกิจอื่น ๆ สิ่งที่คนขายภาพออนไลน์ต้องทำก็คือการปรับตัวให้ทัน และทุก ๆ ครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับค่าตอบแทนต่อภาพที่ลดลง รวมถึงหลักเกณฑ์ในการสร้างรายได้ที่ยากขึ้น ย่อมเกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง สิ่งแรกที่เราต้องทำเมื่อได้รับผลกระทบดังกล่าวก็คือ "ตั้งสติ" หากเราไม่ตั้งสติเราจะไปต่อได้ยาก เพราะการขายภาพออนไลน์นั้นมีความเกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์ ทำสมองให้ปรอดโปร่งได้ ก็สามารถมีความคิดสร้างสรรค์ดี ๆ ได้ ในทางกลับกันหากยังตั้งสติไม่ได้ และมีแต่ความท้อแท้ในจิตใจแล้ว สุดท้ายก็คงต้องออกจากธุรกิจนี้ไปโดยปริยาย เอาหละครับ หากคุณตั้งสติได้แล้ว เรามาดูกันว่าในปี 2565 นี้เราจะต้องปรับตัวอย่างไรหากต้องการอยู่ในธุรกิจขายภาพออนไลน์ต่อไป

1.  ลดต้นทุนให้ได้ การจะลดต้นทุนได้นั้น หากคุณมีความคิดสร้างสรรค์ที่ดี ก็ช่วยลดต้นทุนได้ เช่น เมื่อเตรียมพร็อพสำหรับการถ่ายภาพมาแล้วต้องใช้พร็อพเหล่านั้นให้คุ้มค่ามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สิ่งที่ต้องทำก่อนลงมือถ่ายภาพก็คือการหาข้อมูลอย่างละเอียดก่อน ว่าพร็อพที่เราจะใช้ในครั้งนี้ นอกจากจะถ่ายภาพตามที่เราตั้งเป้าหมายเอาไว้แล้ว ยังสามารถนำไปถ่ายภาพในลักษณะไหนได้อีกบ้าง ผมขอยกตัวอย่างง่าย ๆ ที่ผมใช้เป็นประจำกับการถ่ายภาพแนว Concept ที่ผมใช้อยู่เป็นประจำ และถือว่าได้ผลดี และช่วยลดต้นทุนได้มาก

สามารถดูภาพด้านบนประกอบได้ ซึ่งภาพดังกล่าวคือภาพ Concept ในเรื่องของการแพ้อาหาร แน่นอนว่าวัตถุดิบที่นำมาใช้ในภาพนี้มีเป็นจำนวนมาก หากจะถ่ายภาพเฉพาะ Concept ที่เราวางเอาไว้เพียงอย่างเดียวก็คงจะไม่คุ้มค่ากับการลงทุน เพราะฉะนั้นเมื่อถ่ายภาพตาม Concept ที่เราต้องการเสร็จแล้ว ผมก็จะนำวัตถุดิบทุกอย่างมาถ่ายแยกเป็นอิสระ เช่น นำมาถ่ายเป็นภาพพื้นหลังสีขาวก็จะได้ภาพอีกเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้วัตถุดิบแต่ละอย่างนั้นมีเรื่องราวของตัวเอง ซึ่งสามารถนำไปถ่ายภาพแนว Concept อื่น ๆได้อีก เช่น นม กับถั่วเหลือง ก็นำไปจับคู่กันถ่ายภาพน้ำนมถั่วเหลืองที่เป็นแนว Concept เป็นต้น

หรือหากต้องถ่ายภาพที่ต้องใช้คน เราสามารถขอความช่วยเหลือจากคนในบ้านได้ ซึ่งตรงนี้เว็บไซต์ตัวแทนขายภาพแต่ละแห่งก็แนะนำให้ทำแบบนี้ แต่ในเรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละบุคคลด้วย เนื่องจากความชอบ และความพร้อมของแต่ละบุคคลนั้นไม่เท่ากัน

2.  ต้องมีความรู้เรื่องของ SEO ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่เคยได้ยินคำนี้ หรือบางคนอาจจะเคยได้ยินแต่ก็จะบอกว่า เขาเอา SEO ไปทำการตลาด หรือเอาไปปรับแต่งเว็บไซต์ หรือช่อง Youtube เพื่อสร้างรายได้กันไม่ใช่หรือ แล้ว SEO มาเกี่ยวข้องอะไรกับการขายภาพออนไลน์ด้วย ถ้าคุณยังไม่ค่อยเข้าใจมากนักผมจะเล่าให้ฟังเพิ่มเติม

เวลาที่เราขายภาพออนไลน์ ภาพของเรานั้นจะถูกแสดงผลบนหน้าเว็บไซต์ และภาพ 1 ใบของคุณในความเป็นจริงแล้วก็คือ 1 หน้าเว็บเพจ เรื่องนี้คือสิ่งที่คนขายภาพออนไลน์ต้องรู้ เพราะจะสามารถนำความรู้ไปต่อยอดได้ เช่น การทำ SEO เพื่อเพิ่มยอดดาวน์โหลดให้มากขึ้น ถ้าคุณมีเวลาได้อ่านบทความต่าง ๆ ในเว็บไซต์ตัวแทนขายภาพออนไลน์แต่ละแห่ง จะมีเรื่องราวของการทำ SEO และมักบอกเสมอว่า เวลาที่ลูกค้าค้นหาภาพมักจะเริ่มต้นจากค้นหาภาพจาก Google แล้วตามลิงก์เข้ามายังเว็บไซต์ตัวแทนขายภาพ และเป็นลูกค้าในที่สุด

หากคุณสนใจในเรื่องของการทำ SEO สำหรับการขายภาพออนไลน์ สามารถแสดงความคิดเห็นเอาไว้ใต้โพสใน Facebook Fanpage Stockphoto Knowledge ได้ ซึ่งหากมีเป็นจำนวนมาก ผมก็จะเขียนวิธีการเพื่อให้คุณสามารถทำตามได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน

3.  ส่งภาพต่อเนื่อง เรื่องนี้ถือว่ามีความจำเป็นอย่างมาก เพราะปัจจุบันนี้ระบบของเว็บไซต์ตัวแทนขายภาพนั้นมีการเปลี่ยนอยู่โดยตลอด และแต่ละเว็บไซต์นั้นมีเทคนิคในการนำรูปภาพมาแสดง เมื่อลูกค้าค้นหารูปภาพที่แตกต่างกัน การสุ่มภาพนำมาแสดงให้ลูกค้าได้เห็นภาพที่หลากหลายมีมากขึ้น หากเราส่งภาพอย่างต่อเนื่อง โอกาสที่ลูกค้าจะเห็นภาพของเราก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย และการส่งภาพอย่างต่อเนื่องทำให้มีปริมาณภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะมองเป็นภาพของเรามากขึ้นด้วยเช่นกัน

4.  ยอมรับการเปลี่ยนแปลง เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงนั้น จะเป็นเหมือนการกรองเอาไว้เฉพาะผู้ที่ปรับตัวได้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ขายภาพออนไลน์มาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน หรือขายภาพออนไลน์มาระยะหนึ่ง หรือเพิ่งเริ่มต้นขายภาพออนไลน์ก็ตาม ในวันที่ราคาต่อภาพมีราคาที่สูง ย่อมมีคนอยากเข้ามาในธุรกิจนี้มาก ซึ่งหากเรามองเป็นธุรกิจแล้วก็ต้องยอมรับว่ามีคู่แข่งมากเป็นธรรมดา แต่เมื่อมีการปรับราคาต่อภาพลดลง และประกอบกับวิธีการในการสร้างรายได้ที่เปลี่ยนแปลงไป ย่อมทำให้หลายคนอาจจะมีความคิดที่จะออกจากธุรกิจนี้มากขึ้น แน่นอนว่าเมื่อคนเข้ามาลดลง และคนที่เคยอยู่ทะยอยหยุดส่งภาพ และทะยอยออกจากธุรกิจขายภาพ ก็ต้องบอกว่าคู่แข่งลดน้อยลง ซึ่งถือเป็นโอกาสสำหรับคนที่ยังอยู่ต่อ ที่ผมยกตัวอย่างแบบนี้ ไม่ได้มองว่าคนที่ขายภาพออนไลน์เป็นคู่แข่งนะครับ เพียงแต่ต้องการอธิบายให้เห็นภาพที่ชัดเจนก็เท่านั้น อย่าตีความเป็นอย่างอื่น ๆ พยายามคิดบวกเข้าไว้ครับ

5.  มีแนวทางเป็นของตนเอง ซึ่งต้องบอกว่าคุณต้องนิ่งมากพอ แน่นอนว่าการขยายตลาด หรือการหาความรู้ หรือช่องทางใหม่ ๆ เป็นเรื่องที่ดี แต่สิ่งที่ควรทำก็คือเราเข้ามาในธุรกิจขายภาพด้วยอะไรก็ควรทำสิ่งนั้นให้ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งเสียก่อน จึงค่อยขยับขยายไปทำอย่างอื่น ๆ เช่น เราเข้ามาในธุรกิจขายภาพออนไลน์ เนื่องจากเราชอบถ่ายภาพ เรามีความถนัดในการถ่ายภาพมากกว่าวาดภาพ เรามีความถนัดในการถ่ายภาพมากกว่าถ่ายวีดีโอ เพราะฉะนั้นแนวทางของเราคือการถ่ายภาพส่งขาย โดยมีหลัก วิธีการ และมีวินัยที่ดี หากเราทำได้แบบนี้ มียอดดาวน์โหลดที่ดี และมีรายได้ต่อเดือนที่มากเพียงพอแล้ว จะขยับไปวาดภาพส่งขาย หรือจะไปเรียนรู้การทำวีดีโอแล้วส่งขายก็เป็นเรื่องที่ทำได้ และควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นการขยายตลาดของเราอย่างเป็นระบบ

แต่ถ้าวันนี้แนวทางที่เราถนัด และเรายังทำมันไม่สำเร็จ ยังมีรายได้ต่อเนื่องไม่ได้ แล้วไปเปลี่ยนแนวทางกลางคันก็จะทำให้สิ่งที่สร้างมาตั้งแต่ต้นนั้นเกิดการชะลอตัว แน่นอนว่า Portfolio ก็จะไม่เติบโต และการสร้างรายได้ต่อเนื่องก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นแล้วพยายามทำในสิ่งที่ถนัดให้ประสบความสำเร็จเสียก่อน แล้วจะขยายตลาดค่อยว่ากัน สำหรับในเรื่องของความรู้นั้นสามารถที่จะศึกษาหากความรู้เพิ่มเติมไปพร้อมกับการทำงานในแนวทางที่เราถนัดได้

6.  ข้อมูลและสถิติถือเป็นเรื่องสำคัญ ข้อมูลเหล่านี้ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล เพราะในทุก ๆ เว็บไซต์จะมีข้อมูลเหล่านี้ให้เราอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะเมื่อเราส่งภาพต่อเนื่อง และมียอดดาวน์โหลดในปริมาณที่เพียงพอ เช่น หากเรามียอดดาวน์โหลใน Portfolio ถึงหลักพัน หรือหรือหมื่นใบแล้ว ข้อมูลที่อยู่ใน Portfolio ของเรานั้น สามารถนำมาวิเคราะห์ได้ เช่น ลูกค้าของเราเป็นคนประเทศอะไร และลูกค้าของเราชอบซื้อภาพแนวไหน เพียงแค่ 2 ข้อนี้ เราก็สามารถนำข้อมูลที่ได้นั้น มาถ่ายภาพให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ นอกจากนี้ในทุก ๆ เดือน และทุก ๆ เว็บไซต์ตัวแทนขายภาพก็จะนำข้อมูลมาให้เราเสมอว่าในแต่ละเดือนนั้นเขาต้องการภาพอะไรบ้าง เราก็ลองดูลองอ่าน และถ่ายภาพแนวที่เขาแนะนำควบคู่ไปกับภาพที่ขายดีใน Portfolio ก็จะช่วยเพิ่มยอดดาวน์โหลดได้ดีมากขึ้น

และทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของการปรับตัวสำหรับการขายภาพออนไลน์ในปี 2565 ซึ่งสามารถนำไปเป็นแนวทางในการทำงานในปีนี้ได้ สุดท้ายนี้หากคุณได้อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ก็ขอให้คุณประสบความสำเร็จในการขายภาพออนไลน์ และช่วยแชร์บทความนี้ให้กับเพื่อน ๆ ของคุณ เพื่อที่เราคนไทยจะสามารถนำรายได้เข้าประเทศกันมากขึ้น อย่างน้อยก็เป็นส่วนเล็ก ๆ ที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศเราให้ดีขึ้นได้ พบกับเรื่องราวดี ๆ แบบนี้ในบทความต่อไปครับ สวัสดีครับ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การเข้าสู่ระบบ Shutterstock ในส่วนของคนขายภาพ

การเลือกภาษาบน Shutterstock Contributor ช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น

3 เว็บไซต์ที่ผู้เริ่มต้นควรส่งภาพไปขาย